โรคตาที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ (Computer Vision Syndrome : CVS)

โรคตาที่เกิดจากคอมพิวเตอร์
(Computer Vision Syndrome : CVS)

เป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับสายตาและการมองเห็น เกิดจากการใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ รวมถึงรังสีที่แผ่ออกมาบริเวณหน้าจอ ก็มีผลกระทบต่อดวงตาเช่นกัน โดยมีด้วยกัน 4 โรคดังนี้

1.โรคคอมพิวเตอร์วิชชันซินโดรม
อาการที่มักพบ : มองเห็นภาพซ้อน  ตาโฟกัสช้า  เคืองตา เเสบตา ตาเเห้ง ดวงตาล้า

2.โรคจอประสาทตาเสื่อม
อากาศที่มักพบ : เห็นภาพซืด , อ่านหนังสือลำบาก , เเยกเเยะหน้าคนยาก , เห็นจุดดำที่ศูนย์กลางภาพ

3.โรคต้อหิน
อาการที่มักพบ : ตาพร่ามัว , เวียนหัว , คลื่นไส้ อาเจียน , เห็นดวงไฟเป็นรัศมี

4.โรควุ้นในตาเสื่อม
อาการที่มักพบ : เห็บคราบดำลอยไปมา , มองไม่เห็นเเบ็คกราวน์

ปัจจัยเสี่ยง CVS

1.แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม

2.มีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์

3.ระยะห่างจากหน้าจอ

4.ระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์

5.ท่าทางในการในการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม

การป้องกันการป้องกัน

ภาพแสดง วิธีนั่งใช้คอมพิวเตอร์ให้ถูกต้อง
ที่มา : http://infographic.in.th/infographic/4-โรคตาที่มาพร้อมกับจอคอม

1.จัดตำแหน่งการทำงานให้เหมาะสม แสงสว่างเพียงพอ จัดระดับของจอภาพให้อยู่ต่ำกว่าสายตาประมาณ 10 – 20 องศา

2.ควรมีการหยุดพักสายตาเป็นระยะ โดยทุกๆ 20-30 นาที ให้พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ โดยมองไปบริเวณพื้นที่กว้างหรือนอกหน้าต่าง เพื่อลดการเพ่งของสายตาประมาณ 1 นาที

3.กระพริบตาประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที เพื่อป้องกันภาวะตาแห้งหรือให้หลับตาพัก 3-5 วินาทีบ่อยๆ เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตามาฉาบ ให้ความชุ่มชื้นต่อลูกตา และอาจพิจารณาใช้ยาหยอดตาชนิดน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาเทียม เพื่อบรรเทาอาการแสบตา

4.การใส่แว่น จะช่วยผู้ที่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสายตา ให้ปวดเมื่อยล้าตาง่าย เช่น คนสายตาเอียง หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีปัญหาเวลามองใกล้

วิธีถนอมสายตาด้วยการนวด 7 ท่าง่ายๆ

ท่าที่ 1 ท่าเสยผม : ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง กดขอบกระบอกตาบนให้แน่นพอควร ทำทั้ง 2 ข้างพร้อมๆ กัน ค่อยๆ ดันนิ้วทั้ง 3 นิ้วเรื่อยขึ้นไปบนศีรษะจนถึงท้ายทอยแบบเสยผม ทำ 10-20 ครั้ง

ท่าที่ 2 ท่าประแป้ง : ใช้นิ้วกลางทั้งสอง กดตรงหัวตา (โดนสันจมูก) แน่นพอควรดันนิ้วขึ้นไปจนถึงหน้าผาก แล้วใช้นิ้วทั้งหมด (เว้นนิ้วหัวแม่มือ) แตะหน้าผากโดยให้ปลายนิ้วมือจรดกัน แล้วลูบลงไปข้างแก้มแบบแนบสนิทมายังคาง ทำ 10-20 ครั้ง

ท่าที่ 3 ท่าเช็ดปาก : ใช้ฝ่ามือขวาทาบบนปากลากมือไปทางขวาให้สุด ให้ฝ่ามือกดแน่นกับปากพอสมควร เปลี่ยนใช้มือซ้ายทาบปากแล้วทำแบบเดียวกันนับเป็น 1 ครั้ง ทำ 10-20 ครั้ง

ท่าที่ 4 ท่าเช็ดคาง : ใช้หลังมือขวาทาบใต้คาง แล้วลากมือจากทางซ้ายไปขวาให้หลังมือกดแน่นกับใต้คางพอควร เปลี่ยนใช้มือซ้ายทำแบบเดียวกัน นับเป็น 1 ครั้ง ทำ 10-20 ครั้ง

ท่าที่ 5 ท่ากดใต้คาง : ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้างกดใต้คาง โดยให้ปลายนิ้วตั้งฉากกับคาง ใช้แรงกดพอควรและกดนานพอควร (นาน 10 วินาที หรือนับ 1-10 อย่างช้าๆ) เลื่อนจุดกดให้ทั่วใต้คางเฉพาะทางด้านหน้า ทำ 5-10 ครั้ง

ท่าที่ 6 ท่าถูหน้าและหลังหู : ใช้มือแต่ละข้างคีบหู โดยกางนิ้วกลางและนิ้วชี้คีบอย่างหลวมๆ วางมือให้แนบสนิทกับแก้ม ถูขึ้นลงแรงๆ นับเป็น 1 ครั้ง ทำ 20-30 ครั้ง

ท่าที่ 7 ท่าตบท้ายทอย : ใช้ฝ่ามือปิดหู (มือซ้ายปิดหูซ้าย มือขวาปิดหูขวา) ใช้นิ้วทั้งหมดอยู่ตรงท้ายทอย และปลายนิ้วกลางจรดกัน กระดิกนิ้วให้มากที่สุด แล้วตบที่ท้ายทอยพร้อมกันทั้ง 2 มือด้วยความแรงพอสมควร ทำ 20-30 ครั้ง

แหล่งที่มา :

บทความจากโรงพยาบาลกรุงเทพ:
https://www.bangkokhospital.com/content/computer-vision-syndrome

www.potatotechs.com/ภัยอันตรายจากใช้คอมนาน/
http://infographic.in.th/infographic/4-โรคตาที่มาพร้อมกับจอคอม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *